EDWARD GREEN – A “Grail” Shoemaker from Northampton, England
“Edward Green” หากพูดถึงชื่อนี้แล้วเราคงไม่ต้องอารัมภบทอะไรกันมากมาย เพราะเป็นหนึ่งใน Shoemaker ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1890 ถือว่าเป็นแบรนด์ช่างทำรองเท้าที่เก่าแก่ที่สุดแบรนด์หนึ่งจากเมือง Nothampton ประเทศอังกฤษ เมื่อกล่าวถึง Edward Green ก็จะเป็นอันรู้กันว่า “นี่คือหนึ่งในแบรนด์ตัวจบสำหรับรองเท้าหนัง” ด้วยคุณภาพหนัง การตัดเย็บ รวมไปถึงดีไซน์และทรวดทรงของรองเท้าที่กลายเป็นตัวแทนของความเป็น British Gentlemen จนกลายเป็น Iconic Style และส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ Classic Menswear มาอย่างยาวนาน
หากเพื่อนๆได้มีโอกาสได้มาลองสวมใส่หรือสัมผัสรองเท้าจาก Edward Green คู่จริง สิ่งที่เราจะรู้สึกได้เป็นอันดับแรกเลยก็คือ ออร่าของหนังที่ใช้ในการตัดเย็บรองเท้า ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เมื่อได้ลองจับรองเท้าคู่จริงครั้งแรกแล้วรู้สึกได้ทันทีถึงความพิเศษของชิ้นหนังที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน เรียกได้ว่าตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบเลยครับ ไม่ต่างจากการได้สัมผัสและถือกระเป๋าจากแบรนด์เครื่องหนัง High-End เลย
นอกจากคุณภาพของหนังที่ถูกคัดมาจากโรงฟอกหนังที่ดีที่สุดทั่วโลก ไม่ว่าจะจากอิตาลี ฝรั่งเศสหรือภายในอังกฤษเอง สิ่งที่จะทำให้ Raw Material เหล่านี้เปล่งประกายได้อย่างเต็มศักยภาพก็คือฝีมือการตัดเย็บหรือ Craftsmanship นั่นเอง เพื่อนๆจะรู้สึกและสังเกตได้ถึงความเนี้ยบในการตัดขอบชิ้นหนัง ความใส่ใจการเก็บรายละเอียดงานในแต่ละจุด การเย็บและเดินด้ายที่เนียนกริบ เป็นรองเท้าที่ให้ความเรียบหรูและดูเป้ะมากๆ
สิ่งสุดท้ายที่เป็นตัวบ่งบอกถึง “รสชาติ” จากประวัติศาสตร์ที่ทำให้ Edward Green กลายเป็นหนึ่งในตำนานที่ยังหายใจอยู่นั่นก็คือ การออกแบบรูปทรงของรองเท้าหรือ Last ในหลากหลายโมเดลที่ถูกยกให้เป็น Iconic Design ขึ้นหิ้งรองเท้าหนังที่อมตะตลอดกาล โดยเพียงแค่มองรองเท้าผ่านๆก็รู้ได้ทันทีว่ารูปทรงแบบนี้เป็น Signature จาก Edward Green อย่างแน่นอน ทำให้แบรนด์นี้กลายเป็นหนึ่งใน Shoemaker ที่สุภาพบุรุษจากทั่วโลกใฝ่ฝันอยากจะครอบครองเป็นเจ้าของกัน
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มี Logo อะไรที่บ่งบอกถึงความเป็นแบรนด์บนตัวรองเท้าเลย ดูเผินๆเหมือนจะเป็นเพียงรองเท้าหนังเรียบๆเพียงคู่หนึ่ง แต่ในความเรียบนี้มีออร่าที่เปล่งปลั่งมากครับ ทั้งคุณภาพของหนัง ความพิถีพิถันในการตัดเย็บ ไปจนถึงวิธีการและเทคนิคในการขึ้นรูปทรงรองเท้า รวมกันทั้งหมดนี้ Edward Green ได้ออกตัวแทนผู้สวมใส่ไปแล้วครับว่า นี่คือรองเท้าที่ “เรียบหรูแต่ดูดี” โดยที่ไม่ต้องตะโกนหรือเรียกร้องความสนใจเลย เป็นความขลังและความหรูหราในแบบฉบับของ Brirish Gentlemen อย่างแท้จริง
ในบทความนี้เราจะคุยกันเกี่ยวกับ Edward Green ที่มีโครงสร้างแบบ Goodyear-Welted เท่านั้น หากเพื่อนๆสนใจ Edward Green Slipper ในเวอร์ชั่น Polperro & Portland สามารถอ่านได้ตรงนี้
คุยกันมาขนาดนี้ เพื่อนๆน่าจะอยากทราบกันแล้วว่ารายละเอียดของ Edward Green แต่ละโมเดลนั้นเป็นอย่างไร เดี๋ยวเรามาเริ่มกันเลยครับ!
Edward Green “Ventnor”
ตัวถัดมาสำหรับ Loafer จาก Edward Green ก็คือ Edward Green “Ventnor” เป็นหนึ่งในโมเดลที่เหมาะมากๆกับการใช้งานสำหรับเดินในสภาพฟุตบาทของกรุงเทพที่มีหลุมบ่อและไม่ค่อยเสมอกัน เพราะรองเท้ามากับพื้นแบบ Rubber Outsole ที่เย็บแบบ Goodyear-Welted และโครงสร้างของชิ้นหนัง Upper ยังคงเป็นแบบ Unconstructed ที่ใส่ง่ายและใส่สบาย รูปทรงสัดส่วนของรองเท้าจะมีความเป็น Classic Penny Loafer ที่ได้กลิ่นอายมาจาก Last ของรุ่นพี่อย่าง Edward Green Piccadilly ซึ่งเราจะได้พูดถึงกันในช่วงถัดไป
Edward Green Piccadilly & Belgravia
มาถึงรองเท้า Loafer ที่ถูกจัดว่าเป็น Iconic ตลอดกาลสองโมเดล นั่นก็คือ Edward Green “Piccadilly” ซึ่งมาในรูปแบบของ Penny Loafer และ Edward Green “Belgravia” มาในรูปแบบของ Tassel Loafer รองเท้าทั้งสองโมเดลนี้ถูกสร้างขึ้นมาจาก Last เดียวกันในชื่อ 184 Last รูปทรงเป็นแบบ Classic Almond-Toe ที่แสดงออกถึงความหรูหราในสไตล์ของ British Gentlemen ที่เราเห็นกันผ่านบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน
ทั้ง Piccadilly และ Belgravia จะเป็นรองเท้าที่มีการเสริม Construction ตามรูปแบบของ Traditional Shoemaker นั่นก็คือจะมีการเสริมโครงสร้างที่เรียกว่า Hard Leather ตามจุดต่างๆของรองเท้าและมี Lining หนังด้านในอีกชั้นเต็มทั้งคู่ การเย็บพื้นหนังจะเป็นแบบ Goodyear-Welted และพื้นหนังเป็น Single Leather Sole แบบ Oak Bark Tan Leather อีกด้วย
สำหรับหนังที่ Edward Green เลือกมาใช้ในการทำรองเท้าทั้งสองโมเดลนี้ย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน ตัวเลือกที่ทางร้านนำเข้ามาสำหรับชิ้นหนัง Upper จะมี 2 แบบ แบบแรกจะเป็นหนังวัวที่เรียกว่า “Dark Oak Antique Calf” เราต้องแยก Phrase นี้ออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกก็คือ “Dark Oak” เป็นสีน้ำตาลที่จัดว่าเป็นสี Signature ของ Edward Green เลยครับ เป็นสี Deep Brown หรือน้ำตาลเข้มในโทนที่ไม่เหมือน Shoemaker เจ้าไหนเลย และคำว่า “Antique Calf” เป็นเทคนิคการทำ Hand-Patina หรือการลงสีด้วยมือบนชิ้นหนังที่กำลังถูกขึ้นรูปทรงอยู่บนหุ่นรองเท้า
ทั้งหมดนี้ทำให้รองเท้าทั้งคู่ดูมีชีวิตชีวาจากมิติของการไล่เฉดสีและการทำ Highlight ที่เพื่อนๆจะเห็นได้บนตัวรองเท้าว่า แต่ละบริเวณจะมีความอ่อนเข้มของสีแตกต่างกันและมีการไล่ Gradient ของโทนสีที่ต้องใช้ช่างฝีมือและ Craftsmanship ที่มีประสบการณ์ในการทำเท่านั้น
Oak Bark Tan Leather Outsole
สำหรับพื้นหนังก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน เพราะเป็น Single Leather Sole ที่มาในรูปแบบที่เรียกว่า “Oak Bark Tan Leather” เป็นเทคนิคที่ Shoemaker ในสมัยก่อนใช้ในการนำพื้นหนังไปแช่ไว้ในถังไม้ผสมกับเปลือกไม้จากธรรมชาติอันได้แก่ Oak, Spruce และ Mimosa เพื่อเพิ่มความแข็งแรงทนทานแต่ให้ความ Flexible ที่มากขึ้น ลดอัตรการสึกของพื้นหนัง และเพิ่มความสามารถในการกันน้ำซึมผ่าน
เพื่อนๆทราบหรือไม่ว่าด้วยกระบวนการ “บ่มพื้นหนัง” แบบดั้งเดิมนี้ต้องใช้เวลานานถึง 9 เดือนจึงจะเสร็จสิ้นได้เป็นพื้นหนังที่พร้อมใช้งาน เกิดเป็นพื้นหนังที่มีสีน้ำตาลอ่อนใน Edward Green ทั้งสองโมเดลนี้ซึ่งเป็นสีเกิดจากการทำ Oak Bark Tan ตามธรรมชาติ โดยพื้นหนังแบบนี้จะอยู่ในรองเท้า Edward Green ทุกคู่ยกเว้นเพียงแค่ Polperro กับ Portland เท่านั้น
Unlined Edward Green Piccadilly & Belgravia
แต่เดี๋ยวก่อน! หากเพื่อนๆเป็นคนที่เคยลองสวมใส่หรือมีประสบการณ์กับรองเท้าหนังกันมาก่อนน่าจะเคยมีโมเม้นต์ที่นั่งคิดเล่นๆกันว่า คงจะดีไม่น้อยถ้า Edward Green นำรองเท้าโมเดลต่างๆที่เป็น Iconic อย่าง Piccadilly และ Belgravia มาปรับโฉมใหม่ให้ใส่ง่ายๆสบายๆให้ฟีลลิ่งแบบ Slipper อย่าง Portland หรือ Polperro ที่ไม่มีการเสริมโครงสร้าง Hard Leather ด้านในและ Unlined แต่พื้นหนังยังคงเป็นแบบ Traditional Goodyear-Welted และ Last เหมือนเดิม
ผมมีข่าวดีมาแจ้งครับว่า ทางร้านได้นำรองเท้าทั้งสองโมเดลที่เป็นรูปแบบ Unconstructed และ Unlined เข้ามาด้วย โดยจะเป็นหนัง Mink Suede สีน้ำตาลเข้มในทั้งสองโมเดล
Edward Green “Harrow”
อีกโมเดลหนึ่งที่เป็นหนึ่งในรองเท้าหนังที่อยู่คู่กับ Edward Green มานานที่สุดก็คิอ Edward Green “Harrow” มาใน Last 61 เป็นหนึ่งในรองเท้า Loafer ที่พระเจ้า George ที่ 5 แห่งราชวงศ์อังกฤษทรงเลือกสวมใส่และกลายเป็นรองเท้าประจำพระองค์ไปเลยก็ว่าได้ สำหรับหนังที่ทางร้านนำเข้ามาจะเป็น Dark Oak Antique Calf และด้านในรองเท้าจะเป็นแบบ Unlined
หากดูเผินๆรองเท้าคู่นี้ก็ดูเหมือนจะเป็น Penny Loafer อีกคู่หนึ่ง แต่ถ้าเพื่อนๆลองสังเกตบริเวณด้านหน้ารองเท้าหรือ Apron จะพบว่ามีรายละเอียดบางอย่างที่ทำให้รองเท้าคู่นี้มีความพิเศษและแตกต่างเพิ่มขึ้นมา ได้แก่การเย็บปิดชิ้นหนังแบบ Hand-Sewn Apron และบริเวณด้านหน้าสุดของรองเท้าจะมีรอยเย็บปิดการต่อชิ้นหนังแบบ Skin-Stitching อยู่ ดีไซน์และเทคนิคการตัดเย็บเหล่านี้เหมือนกับรองเท้า Split Toe Derby ไม่มีผิดเพี้ยน แต่ถูกเปลี่ยนฟอร์มให้เป็น Penny Loafer ทำให้ Edward Green Harrow ขึ้นหิ้งเป็นรองเท้า Iconic ตัวหนึ่งจาก Edward Green เลย
Edward Green “Chelsea”
สำหรับเพื่อนๆที่ชอบรองเท้าแบบ Lace-Up หรือรองเท้าผูกเชือก แน่นอนครับว่าต้องพลาดไม่ได้กับรองเท้า Edward Green “Chelsea” ที่เป็น Black Cap Toe Oxford สีดำสนิทในหนัง Box Calf มาใน Last 82 ซึ่งเป็น Classic Almond-Toe Shape สำหรับรองเท้าหนังผูกเชือก โมเดลนี้เป็นหนึ่งใน Dress Shoe ที่เรียบหรูและหล่อลึก เป็นตัวแทนของรองเท้าที่สามารถแสดงถึงความสวยงามตามแบบฉบับบของ British Gentlemen ได้ดีมากๆเลยครับ และแน่นอนว่าเป็นรองเท้า Oxford สีดำคู่จบที่สุภาพบุรุษจากทั่วโลกยกให้เป็นหนึ่งใน Wishlist กันเลย
สำหรับเพื่อนๆที่กำลังตามหารองเท้า Oxford สีดำเพื่อใส่ไปงานที่มีความเป็นทางการสูง ออกงานใส่กับสูทคมๆ แม้กระทั่งใส่กับเสื้อเชิ้ตและกางเกงเอวสูง หรือต้องการรองเท้า Oxford สีดำตัวจบ ใช้งานกันไปยาวๆ Edward Green Chelsea นี้เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีทีเดียวครับ
Edward Green “Dover”
รองเท้าอีกคู่หนึ่งที่ขาดไม่ได้เลย เพราะเป็นที่นิยมในฝั่งยุโรปและอเมริการกันเป็นอย่างมากจนกลายเป็น Iconic Derby ขึ้นหิ้งไปอีกคู่หนึ่ง นั่นก็คือ Edward Green “Dover” ที่มาในรูปแบบ Split Toe Derby ใน Last 606 ซึ่งเป็น Soft Chiselled Toe หรือปลายหัวรองเท้าจะเหลี่ยมและตัดมุมนิดๆ เพื่อนๆจะสังเกตเห็นได้ถึงรายละเอียดของงาน Handmade ทั้ง Hand-Sewn Apron และ Skin-Stitching ที่เหมือนกับตัว Edward Green Harrow เลยครับ
นอกจากนั้นแล้ว สำหรับ Split Toe Derby คู่นี้จะมาพื้นหนังที่เรียกว่า Double Leather Sole หรือ “เบิ้ลพื้นหนังเพิ่มขึ้นเป็นสองชั้น” จากปกติที่ตัวอืนๆจะเป็น Single Leather Sole ด้วยสาเหตุที่ว่าจุดประสงค์ดั้งเดิมของ Split Toe Derby ในสมัยก่อนผู้คนจะใช้เป็นรองเท้าที่ต้องเอาไว้ใส่ลุยงานและสภาพภูมิประเทศที่ค่อนข้างแบบสมบุกสมบัน
เมื่อ Edward Green หยิบยกรองเท้ารูปแบบนี้มาตีความและขึ้นแบบหุ่นรองเท้าจึงเป็นจุดกำเนิดของ Edward Green Dover ที่มีความหรูหราและ Dressy เพิ่มมากขึ้น เรียกได้ว่าออกไปล่าสัตว์และเข้าป่าลุยฝนได้อย่างมีสไตล์ ในปัจจุบันรองเท้าคู่นี้ก็ยังคง Heritage การดีไซน์และโครงสร้างไว้เหมือนสมัยก่อน ยังคงเป็นรองเท้าที่ทนทานมากและสามารถหยิบไปใส่ Match กับลุคแบบ Smart Casual ได้จนถึง Business Casual
Unlined Edward Green “Dover”
อีกหนึ่งรูปแบบของ Edward Green Dover ที่ได้รับการตีความใหม่เพื่อตอบโจทย์ Lifestyle คนเมือง นั่นก็คือเวอร์ชั่นที่เป็น Unlined และ Unconstructed ดีไซน์ทั้งหมดยังคงเหมือนกับ Original ทุกประการ เพียงแต่ได้นำโครงสร้างภายในรองเท้าที่เป็น Hard Leather และการบุ Lining ชิ้นหนังด้านในออกไป ทำให้พื้นนิ่มขึ้น ใส่สบายและใช้เวลา Break-In น้อยลง นอกจากนั้นจากเดิมพื้นที่เป็น Double Leather Sole ยังถูกเปลี่ยนให้เป็น Single Leather Sole เหมือนกับ Edward Green ตัวอื่นๆ เหมาะกับการใช้งานในเมืองแต่ให้ลุคที่มีความ Rugged Elegance โดยทางร้านได้นำรองเท้าโมเดลนี้เข้ามาในรูปแบบที่เป็นหนัง Mink Suede สีน้ำตาลเข้ม
Edward Green Made-To-Order Trunkshow
สำหรับเพื่อนๆที่ต้องการความ Exclusive อยากได้รองเท้าที่สามารถ Customize ทุกอย่างเองได้แบบที่ไม่มีใครเหมือน ทางร้าน The Refinement ได้เป็น Host ที่จะเปิด “Edward Green Made-To-Order Trunkshow” โดยคุณ Anthony Bunn ซึ่งเป็น Head of International Sales & Operation จาก Edward Green London จะเป็นคนที่บินเข้ามาที่ประเทศไทยเพื่อรับออเดอร์ ให้คำปรึกษาสำหรับเพื่อนๆที่มีปัญหาเรื่องรองเท้าหนัง และทำการฟิตติ้งด้วยตัวเองที่หน้าร้าน The Refinement หากเพื่อนๆสนใจอย่าลืมกดติดตามช่องทางใน Social Media เพื่อนที่จะได้ไม่พลาดโอกาสที่เราจะอัพเดทอยู่ตลอดเวลานะครับ
Edward Green Polperro – 389 Last – Baby Calf Suede 24,000 THB Pepper Brown/ Camel Brown
Edward Green Portland – 389 Last – Baby Calf Suede 24,000 THB Mace/ Camel Brown/ Pepper Brown/ Black/ Army Green
Edward Green Ventnor – 184 Last – Mink Suede Dark Brown/ Mole 38,000 THB
Edward Green Chelsea – 202 Last – Black Box Calf 49,000 THB
Edward Green Belgravia – 184 Last – Dark Oak Antique Calf 49,000 THB
Edward Green Piccadilly – 184 Last – Dark Oak Antique Calf 49,000 THB
Edward Green Belgravia Unlined – 184 Last – Dark Brown Mink Suede 49,000 THB
Edward Green Piccadilly Unlined – 184 Last – Dark Brown Mink Suede 49,000 THB
Edward Green Harrow – 61 Last – Dark Oak Antique Calf 59,000 THB
Edward Green Dover – 606 Last – Dark Oak Antique Calf 59,000 THB
Edward Green Dover Unlined – 606 Last – Dark Brown Mink Suede 59,000 THB
