BAUDOIN & LANGE: The Rolls-Royce of Belgian Loafer
หากพูดถึงรองเท้า Loafer แล้วเพื่อนๆน่าจะคุ้นเคยกับรองเท้าประเภทนี้กันเป็นอย่างดีไม่ว่าาจะในรูปแบบของ Penny Loafer หรือ Tassel Loafer ที่จัดว่าเป็น Classic Shoes สำหรับ Gentlemen’s Wardrobe แต่ในปัจจุบันมีรองเท้า Loafer อีกรูปแบบหนึ่งที่กำลังมาแรงและได้รับความนิยมสูงมากขึ้นเรื่อยๆตลอดหลายปีที่ผ่านมานั่นก็คือ Belgian Loafer
Shoemaker ที่ทำให้ Belgian Loafer กลับมาได้รับความนิยมทั่วโลกอีกครั้งหนึ่งจะเป็นใครไม่ได้นอกจาก Baudoin & Lange ก่อตั้งโดยคุณ Allan Baudoiun และ Bo Langefield สองหนุ่มดีไซน์เนอร์จาก London ประเทศอังกฤษ ผู้ที่หยิบยกรองเท้า Belgian Loafer มาปรับ Last และ Design ใหม่ให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบันจนได้ถูกกล่าวขานว่าเป็น “รองเท้า Belgian Loafer ตัวจบ” หรือ “Rolls-Royce แห่ง Belgian Loafer” กันเลยทีเดียว ซึ่งทาง The Refinement ได้นำรองเท้า Baudoin & Lange เข้ามาครอบคลุมเรียกได้ว่า “มีโมเดลที่เยอะและสต็อคใหญ่ที่สุดใน Southeast Asia” เลยครับ
อะไรทำให้รองเท้า Made in England จากหนุ่มสองคนนี้มีความพิเศษและแตกต่างจาก Belgian Loafer ตัวอื่นๆ อย่าพึ่งรีบปิดหน้านี้หนีไปไหนกันนะ! เราไปอ่านต่อกันดีกว่า
Classic Shoes with A “Modern Twist”
หากเพื่อนๆยังไม่เคยมีประสบการณ์กับ Baudoin & Lange กันมาก่อนและพึ่งเริ่มศึกษาข้อมูลของรองเท้าแบรนด์นี้ก็อาจจะสับสนกับความหลากหลายของรองเท้าที่มีให้เลือกทั้งสีและโมเดลที่แตกต่างกันมากมาย
ผมจึงขออนุญาตเปรียบเทียบแบบง่ายๆว่า ให้เราลองนึกถึงการเล่นเกมส์ที่สามารถเปลี่ยนชุดและแต่งตัวให้กับตัวละครหลัก 1 ตัวเป็นชุดอะไรก็ได้ เปลี่ยนสกินโทนได้ แต่หน้าตาและหุ่นต้องคงเดิมไว้ เปรียบเทียบกับ Baudoin & Lange นี้ก็คือ Sagan Plain หน้าเรียบจะเป็นตัวละครหลัก แล้วเรานำโมเดลนี้ไปตบแต่งเติมหรือเปลี่ยนสีให้เป็นโมเดลอื่นๆอย่างเช่น เพิ่มพู่ก็จะกลายเป็น Sagan Classic Tassel เพิ่มหน้ากากเข้าไปก็จะเป็น Sagan Gingko หรือเพิ่มสายคาดหนังเข้าไปก็จะเป็น Sagan Classic Buckle และถ้าจะเปลี่ยนสกินโทนก็จะกลายเป็น Sagan Classic Deerskin เป็นต้น
จุดเด่นของรองเท้า Belgian Loafer โดยเฉพาะจาก Baudoin & Lange คือ เป็นรองเท้าที่มีความ Sophisticated มากๆ ขึ้นอยู่กับการหยิบนำรองเท้าไปใส่ไปผสมลุคกับ Outfit ของเพื่อนๆแต่ละคน โดยสไตล์ของรองเท้านั้นเป็นรองเท้าที่ผมให้คำนิยามว่า “แอบแซ่บ” มีความเป็นผู้ชายที่ดูหรูหรา แต่งตัวเป็น ช่างเลือก และเจ้าสำราญ ไม่ว่าเพื่อนๆจะชอบความเรียบแต่ดูหรูหราของ Sagan Classic Plain ชอบความสนุกและขี้เล่นเพิ่มขึ้นมาของ Sagan Classic Tassel จะชอบความ Modern และซับซ้อนของ Sagan Classic Buckle หรือชอบความเป็น Classic แต่มีการ Twist Design Element ให้เกิดความแตกต่างของ Sagan Classic Ginkgo โดยทั้งหมดทั้งมวลแล้ว Baudoin & Lange จะช่วยเติมแต่งลุคของคุณผู้ชายอย่างเราๆให้มีความหรูหราและ Complicated ที่มากขึ้น
Comfortable Like Riding in the “Rolls-Royce”
อีกปัจจัยที่ทำให้รองเท้าจาก Baudoin & Lange ใส่สบายก็คือรองเท้ามีโครงสร้างแบบ “Unconstructed และ Unlined” ไม่มีการเสริม Hard Leather เข้าไปภายในรองเท้าเลย นอกจากนั้นยังมีการตัดเอาชิ้นหนังที่บุด้านในหรือ Lining ออกไปด้วย แต่ความพิเศษยิ่งกว่าก็คือ กาาตัดเย็บรองเท้าที่ไม่มีโครงสร้างหนังภายในออกมาให้สวยงามนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะไม่มีอะไรที่จะมาช่วยพยุงหรือเสริมให้รองเท้าเพื่อให้เกิด Shape ไว้ นอกจากนั้นจะทำยังไงให้สวมใส่รองเท้าประเภทนี้ไปแล้วไม่เกิดอาการที่เรียกว่า “ย้วยจนเสียทรง” อันเป็นเหตุจากรองเท้าขยายตัวจนหลวมและหลุดส้น
เพราะฉะนั้น Magic ของ Baudoin & Lange อยู่ที่การผสมผสาน Material เข้ากับการออกแบบแพทเทิร์นการตัดเย็บ หนังที่ทาง Baudoin & Lange เลือกใช้ก็มีหลากหหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับโมเดลนั้นๆ เช่น หนัง Deerskin หรือหนังกวาง, หนัง Calfskin Suede, หนัง Goatskin Suede หรือ Asteria Suede ไปจนถึงหนังเรียบแบบ Noble Calf
รองเท้าทั้งคู่มีการเสริมโครงสร้างด้านในไว้บางๆเพียงแค่จุดเดียวเท่านั้นคือบริเวณ Heel Counter หรือส้นเพื่อพยุงไม่ให้ส้นรองเท้ายุบอันเป็นสาเหตุที่ทำให้ส้นหลวมเมื่อผ่านการใช้งานไปนานๆ ด้วย Craftsmanship และ Know-How เหล่านี้จึงมีการ Stamp ประโยค “fait à la main” ลงบนพื้นหนังของ Baudoin & Lange ทุกคู่ที่แปลว่า “Handmade”
เรามาดูกันที่ตัวละครตัวแรกของเรานั่นก็คือ Sagan Classic Plain กันเป็นอันดับแรกกันก่อนดีกว่า
Sagan Classic Plain Loafer
Sagan Classic Plain Loafer เป็นรองเท้าทรง Belgian Loafer ที่มีดีไซน์เรียบที่สุดจาก Baudoin & Lange เพื่อนๆจะสังเกตเห็นได้ว่าไม่มีการเย็บชิ้นหนังส่วนอื่นๆเติมเข้าไปเลย ให้ลุคที่คลีน เนี้ยบ และสะอาด จึงเป็นที่มาของชื่อรุ่นนี้ในคำว่า Plain ที่แปลว่าเรียบนั่นเอง แต่เพื่อนๆสังเกตมั้ยครับว่า ถึงแม้หน้าตาดูเหมือนจะเรียบร้อยไม่มีพิษมีภัย แต่ทรวดทรงของเค้าแฝงไว้ด้วยความแซ่บหลายอย่าง เป็นรองเท้าที่มี Character ความเป็นตัวของตัวเองสูงแต่ก็มีช่องว่างเหลืออยู่มากพอที่จะเปิดรับและปรับเข้ากับสไตล์ของผู้ส่วมใส่ได้อย่างลงตัว
Sagan Classic “Tassel”
สำหรับโมเดลนี้ ดีไซน์หลักทุกอย่างรวมไปถึง Last และหนังที่ใช้ในการทำรองเท้ายังคงเหมือนกับตัว Plain ทุกประการ แต่จะมีการถักเพิ่มพู่เติมเข้าไป กลายเป็น Belgian Loafer ในรูปแบบ Tassel Loafer ที่ให้คาแรคเตอร์ในการสวมใส่แตกต่างจาก Traditional Loafer เพราะด้วยกลิ่นอายของ Belgian Loafer ที่ถูกออกแบบโดย Baudoin & Lange จึงเพิ่มความ Sophisticated ให้กับลุคผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดี
สำหรับรองเท้าของ Baudoin & Lange ในไลน์ Sagan Classic Plain และ Tassel ทุกๆคู่จะถูกตัดออกมาจากหนังที่ชื่อว่า “Asteria Suede” หรือ Goatskin เป็นหนังกลับจากหนังแพะที่อาศัยอยู่ในแถบ Mediterranean ซึ่งโรงฟอกหนังนี้เป็นเป็นธุรกิจครอบครัวที่สืบทอดต่อรุ่นต่อรุ่นและมี Know-How รวมไปถึงวิธีการ Process เฉพาะตัวกันมานาน ทำให้หนัง Asteria Suede เป็นหนังที่จะพบเจอได้ในรองเท้าจาก Baudpin & Lange เท่านั้น
หากเพื่อนๆลองมาสัมผัสหนังตัวจริงจะรู้สึกถึงความนุ่มของหนังกลับที่มีความ Flush และความยืดหยุ่นที่ดีมากๆ ทำให้รู้สึกสบายเท้าตั้งแต่ครั้งแรกและรองเท้าสามารถปรับรูปทรงรับกับเท้าของเราได้ภายในไม่กี่ครั้งของการสวมใส่
Sagan Classic for Ladies
เพื่อนๆเคยเจอปัญานี้มั้ยครับว่า พอเราซื้อรองเท้ากลับบ้านมาแล้วคุณแฟนเราทักว่า “เธอๆ รองเท้าน่ารักจัง มีไซส์เรามั้ย” หรือเวลาที่คุณผู้ชายที่มาช็อปปิ้งกำลังลองรองเท้าแล้วคุณแฟนของเราเริ่มบ่นไม่อยากมาด้วย ตอนนี้ทางร้าน The Refinement ได้นำรองเท้า Baudoin & Lange Sagan Classic Plain และ Tassel ในไซส์ของคุณผู้หญิงเข้ามาเพิ่มเติมด้วยครับ โดยจะมาในสองสีในแต่ละโมเดล สเป็คทุกอย่างเหมือนกับ Sagan Classic ของคุณผู้ชายทุกประการ เรียกได้ว่าใส่คู่กันกับคุณแฟนของเราได้เลย
Sagan Classic “Buckle”
อีกโมเดลที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยในไลน์ Sagan Classic ก็คือรุ่น Sagan Classic “Buckle” มีจุดกำเนิดมาจากการร่วมงานกับคุณ Shuhei Nishiguchi ซึ่งเป็น Classic Menswear Icon ท่านหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นและเป็น Director อยู่ที่ BEAM F Japan การออกแบบรองเท้ารุ่นนี้ได้ Inspiration มาจากการแต่งตัวสไตล์ Preppy ของอเมริกาในช่วงปี 1970 ซึ่งก็เป็นช่วงยุคที่ American Ivy League Style ได้เข้ามามีบทบาทกับการแต่งตัวของวัยรุ่นชาวญี่ปุ่นเช่นกัน
เพื่อนๆจะเห็นว่า Signature ของรองเท้าตัวนี้คือมีการคาด Strap พาดผ่านไปติดกับ Buckle เหมือนกับการรัดเข็มขัดแบบรองเท้า Monk Strap แต่ได้ถูกนำมาปรับดีไซน์ใหม่เพื่อใช้ใน Belgian Loafer โดยใช้หนัง Box Calf จากโรงฟอกที่ได้หนังมาจากวัวในหุบเขาตั้งอยู่ใน Central Europe ผสมผสานกับหนังกลับที่ทำมาจากหนังแพะหรือ Asteria Suede
สำหรับอะไหล่ที่เป็น Buckle ก็มีให้เลือกทั้งสีเงินรมดำและสีทอง เป็นรองเท้าอีกโมเดลที่แอบแซ่บมากๆ มีความ Rebellious ซ่อนอยู่แต่ก็ยังคงชั้นเชิงของความ Elegance ไว้ เป็นโมเดลที่ให้ลุค Complicated มากที่สุดคู่หนึ่งจาก Baudoin & Lange
Sagan Classic “Ginkgo”
ในส่วนของ Sagan Classic Ginkgo จะเป็นหนัง Calfskin Suede หรือหนังกลับที่มาจากหนังวัว รองเท้ายังคงเป็น Unconstructed หรือไม่มีการเสริม Hard Leather อยู่แต่จะมีการเพิ่มชั้น Lining หรือชั้นหนังบางๆปิดทับหนังด้านในไว้ ความรู้สึกเวลาใส่จะเฟิร์มกว่าตัว Sagan โมเดลอื่นๆแต่ยังคงสวมใส่สบายไม่แตกต่างกัน
Sagan Ginkgo เป็นรองเท้า Belgian Loafer ที่มีสไตล์การคาดหน้ากากแบบ Penny Loafer คำว่า Ginkgo แปลเป็นไทยว่า “ใบแปะก๊วย” จาก Inspiration ของดีไซน์เนอร์ทั้งสองท่านที่หยิบยกความอ่อนช้อยและความสวยงามของธรรมชาติยามเช้าของโตเกียว ประเทืศญี่ปุ่นเข้ามาผสมผสาน เกิดเป็นรองเท้า Iconic อีกหนึ่งโมเดลที่หากดูเผินๆก็จะเป็น Penny Loafer คู่หนึ่งแต่ก็จะรู้ได้ทันทีว่าเรากำลังใส่ Baudoin & Lange อยู่
Sagan Classic “Deerskin”
หากเพื่อนๆอยากได้ฟีลลิ่งของรองเท้าหนังเรียบ มีอีกโมเดลหนึ่งของ Baudoin & Lange ที่พลาดไม่ได้เลยคือ Sagan Classic Deerskin มาทั้งในเวอร์ชั่น Plain และ Tassel Loafer เป็นรองเท้าที่ดูเผินๆน่าจะถูกตัดมาจากหนังวัว แต่จริงๆแล้วเป็นรองเท้าที่ทำมาจากหนังกวางครับ ความรู้สึกเวลาสวมใส่จะไม่เหมือน Calfskin แต่ค่อนไปทาง Goatskin มากกว่าในแง่ของความนุ่มสบายและความยืดหยุ่นของตัวหนัง เรียกได้ว่าความรู้เสึกขณะที่ใส่เหมือนเรากำลังสวมถุงเท้าอยู่ยังไงยังงั้นเลยครับ
The Grand Collection
สำหรับเพื่อนๆที่ชื่นชอบรองเท้า Loafer ที่มีการเสริมโครงสร้าง Hard Leather ในรูปแบบ Traditional Shoesmaker แล้วละก็ Baudoin & Lange “Grand” Collection น่าจะเป็นรองเท้าที่ตอบโจทย์เพื่อนๆกันได้ดีเลย ไม่ว่าจะเป็น Tassel หรือ Penny Loafer ที่จะมาในโครงสร้างการเย็บพื้นหนังแบบ Blake-Stitching
เพื่อนๆสังเกตมั้ยครับว่า ดีเทลรูปแบบของหน้ากากใน Penny Loafer กับวิธีการพันพู่ใน Tassel Loafer ของ Baudoin & Lange นั้นแตกต่างจาก Shoesmaker เจ้าอื่นๆ เป็น Subtle Detail โชว์เอกลักษณ์ที่เห็นปุ้ปจะรู้ได้ทันทีว่าเรากำลังใส่รองเท้าจาก Baudoin & Lange แน่นอน
The Grand Collection ที่ทางร้าน The Refinement นำเข้ามาจะเป็นหนังเรียบทั้งหมด โดยทุกสีทุกคู่ตัดเย็บจากหนังวัวที่เรียกว่า “Noble Calf” เป็นหนังที่ได้มาจากการ Breed วัวสายพันธุ์หนึ่งในบริเวณ Central Europe เพื่อให้ได้คุณภาพชิ้นหนังที่มี Grain ที่เรียบเนียนมากกว่าปกติและให้สัมผัสหนังที่นุ่มเท้ามากขึ้น
นอกจากนั้น Baudoin & Lange ยังได้เพิ่มเทคนิคพิเศษที่เรียกว่า “Bridge Lining” เป็นการเว้น Lining ด้านในส่วนที่เรียกว่า Pressure Point ไว้ เช่น บริเวณช่วงนิ้วก้อย ทำให้เรายังสามารถสวมใส่รองเท้าที่มีโครงสร้างแบบ Hard Leather ได้โดยที่ใช้เวลา Break-In สั้นกว่าปกติ
Sagan “Stride”
อีกโมเดลหนึ่งที่น่าสนใจก็คิอ Baudoin & Lange Sagan “Stride” เป็นรองเท้าสำหรับเพื่อนๆที่ต้องการสไตล์ของชิ้นหนัง Upper ในรูปแบบของ Loafer แต่ยังคงชื่นชอบรูปแบบพื้น Outsole ที่ใส่สบายแบบรองเท้า Sneaker เป็นการผสมผสานระหว่างความเป็น Classic ของรองเท้าหนังเข้ากับ Modern-Day Sneaker ได้อย่างลงตัว
Versatility
Baudoin & Lange เป็นรองเท้าที่เรียกได้ว่ามีคาแรคเตอร์ที่ซับซ้อนอยู่ในตัวของเค้าเอง เพราะฉะนั้นจึงเป็นรองเท้าที่เพื่อนๆสามารถหยิบไปใส่ตั้งแต่ลุคแบบ Casual ที่เป็นเสื้อยืดหรือเสื้อโปโล Knitwear คู่กับกางเกงเอวสูง ไปจนถึงลุคแบบ Business Casual โดยใส่คู่กับ Sport Jacket สำหรับการใส่กับสูทก็สามารถหยิบมาใส่ได้เช่นกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นรองเท้า Baudoin & Lange Sagan Classic ก็ยังจัดอยู่ในหมวดหมู่รองเท้า Loafer ที่เป็น Unconstructed ซึ่งมีระดับความเป็นทางการไม่ได้สูงเท่ากับรองเท้า Loafer หนังเรียบที่มี Construction หรือรองเท้า Lace-Up ทั้งหลาย เพราะฉะนั้นการใส่คู่กับสูทเราจึงต้องเลือกสูทที่ไม่ได้มีความ Formal สูงมากนักเพราะจะทำให้เกิด Contrast ของระดับความเป็นทางการระหว่างชุดที่เราใส่กับรองเท้าได้ หากต้องการนำไปใช้กับสูทที่มีความเป็นทางการสูงผมจึงอยากแนะนำรองเท้า Baudoin & Lange Grand โดยใส่คู่กับถุงเท้าด้วยมากกว่า
Sagan Classic Plain Loafer: 15,500 THB
Sagan Classic Tassel Loafer: 16,500 THB
Sagan Classic Buckle Loafer: 19,800 THB
Sagan Classic Ginkgo Loafer: 19,500 THB
Sagan Classic Deerskin Plain Loafer: 17,000 THB
Sagan Classic Deerskin Tassel Loafer: 18,000 THB
Sagan Stride Loafer: 15,500 THB
Grand Penny & Tassel Loafer: 23,500 THB
Sagan Classic Plain for Lady: 15,500 THB
Sagan Classic Tassel for Lady: 16,500 THB